บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

การหลงของดร.สนอง


หลังจากปราบ “ลุงเล็ก” จนราบคาบไปแล้ว กลายเป็นลุงโคตรเล็กกระจิดนิดเดียวไปแล้ว ก็มีเหยื่อรายใหม่คือ คุณ “ผ่านมา” [IP: 118.173.73.198] 13 มีนาคม 2553 21:46 ซึ่งเข้ามาให้ความเห็นดังนี้

ความรู้ทางด้าน ดร.ของท่าน มันไม่สามารถช่วยให้ ท่าน ดร. ไปสวรรค์หรือนิพพานได้หรอก เพราะท่านแค่รู้ แต่ไม่ได้เข้าถึง

ถึงแม้ผมจะไม่มีความรู้เลย แต่ก็พอจะเห็นได้ว่า ท่าน ดร. ยกแต่เนื้อหามาอ้างทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นความรู้ แต่มันจะช่วยให้ท่านเข้าถึงธรรมะที่แท้จริงได้หรือไม่

แล้วท่านปฏิบัติได้เข้าถึงหรือไม่ คงเป็นแบบนั้นมากกว่า

รู้เข้าใจ กับ เข้าถึง มันคนละอย่างกันนะ ผมว่า ตามที่ท่าน ดร. กล่าวมานั่นคือการหลง ตามที่ ดร.สนองได้บอกไว้

เมื่อมีเหยื่อมาให้กินถึงที่ ผมถึงตอบไปดังนี้ (15 มีนาคม 2553 13:14)

เรียนคุณผ่านมา [IP: 118.173.73.198]

นานๆ จะมีคนให้ความเห็นน่าตอบบ้าง จึงพยายามจะอธิบายอย่างง่ายๆ ให้ฟังบ้าง เพื่อว่าจะเป็นการบันเทิงใจของผู้อ่านบ้าง

พยายามคิดตามนะครับ เพราะ ความรู้บ้างอย่าง มันต้องเรียนวิชาปรัชญา เฉพาะวิชาญาณวิทยา (Epistemology)

ขออธิบายเกี่ยวกับวิชาญาณวิทยาสักนิดหนึ่ง วิชานี้ก็เรียนเกี่ยวกับว่า ความรู้และความจริงคืออะไร ความรู้กับความจริงเป็นสิ่งเดียวหรือไม่ ทำนองนี้

ที่นี้เขามาถึงความเห็น

1) ความรู้ทางด้านดร.ของท่าน มันไม่สามารถช่วยให้ ท่าน ดร. ไปสวรรค์หรือนิพพานได้หรอก

คำตอบ

อันนี้ถูกต้อง แต่คุณผ่านมาและผ่านไป ลองคิดดู อันนี้เป็นบล็อก gotoknow เป็นบล็อกเกี่ยวกับวิชาการ

มันก็ต้องถกเถียงกันทางวิชาการ แค่ถกเถียงกันในทางวิชา สาวกของสายนาม-รูปกับสายพอง-ยุบ ก็ไปไม่เป็นแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น

- บอกว่าของตนเองเป็นวิปัสสนา ผมก็บอกว่า วิปัสสนาแปลว่า เห็นแจ้ง ถ้าเป็นวิปัสสนาจริงแท้ มันก็ต้องมีการเห็นที่แจ่มแจ้ง

แต่พวกนี้พอปฏิบัติไป เมื่อเห็นอะไร ท่านก็ว่าผิดหมด มันจะเป็นวิปัสสนาได้อย่างไร

คำถามนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ

โดยสรุป บล็อกนี้จะเล่นกันเรื่องวิชาการเพราะมันสามารถถกเถียงกันได้ หาข้อความ (text)มาอ้างอิงกันได้ ไม่ใช่เอาความเชื่อมาเถียงกัน ไม่ใช่เอาผลของการปฏิบัติธรรมมาเถียงกัน เพราะ มันจะหาข้อยุติไม่ได้ เนื่องจากปฏิบัติธรรมกันคนละสาย

2) รู้เข้าใจ กับ เข้าถึง มันคนละอย่างกันนะ ผมว่า ตามที่ท่าน ดร. กล่าวมานั่นคือการ หลง ตามที่ ดร.สนองได้บอกไว้

สำหรับข้อนี้ ผมขอบอกก่อนว่า ผมจบปริญญาเอกทางปรัชญา ผมเชี่ยวชาญเรื่องภาษา และปรัชญาภาษา รู้ เข้าใจ และเข้าถึง ผมน่าจะรู้ดีกว่า ดร. สนอง ซึ่งเน้นการศึกษาไปทางวิทยาศาสตร์

ดร. สนองปฏิบัติธรรมเพียง 30 วัน แต่ผมปฏิบัติมาแล้ว 30 กว่าปี (บวชวัดอัมพวัน 1 พรรษา) ดร.สนองนั่นแหละครับ "หลง" หลงเชื่อพระพม่าจนไม่ลืมหูลืมตา

ผมไม่หลงหรอกครับ

แถมคำถามเกี่ยวกับข้อบกพร่องของพระพม่า เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่อ่านหนังสือของสาวกพระพม่าเลย ที่ผมอ่านมาแล้ว ผมมีความเห็นในข้อบกพร่องของพระพม่า ดังนี้

- พระพม่าไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องบารมี 30 ทัศน์ ไม่เคยเอ่ยถึงวิชชา 3 ที่ทำให้บรรลุพระอรหันต์ แล้วพระพม่าจะบรรลุพระอรหันต์ได้อย่างไร

- พระพม่าไม่เชื่อพระไตรปิฎก แต่ไปเชื่อคัมภีร์วิสุทธิมรรคที่แต่งขึ้นมา พ.ศ. 1000 ความเชื่อเหล่านั้น ไม่ตรงกับพระไตรปิฎก แล้วพระพม่าจะบรรลุพระอรหันต์ได้อย่างไร

- พระพม่าก็ไม่เชื่อคัมภีร์วิสุทธิมรรคทั้งหมด เอามาอ้างเพื่อให้สานุศิษย์เชื่อตามเท่านั้น เพราะ คัมภีร์วิสุทธิมรรคไม่ได้จัดสติปัฏฐานสูตรไว้ในหัวข้อวิปัสสนา

พระพม่าบอกว่า การปฏิบัติแบบที่ตนเองคิดขึ้น เป็นสติปัฏฐานสูตร และเป็นวิปัสสนาด้วยก็ขัดกับคัมภีร์วิสุทธิมรรค แล้วพระพม่าจะบรรลุพระอรหันต์ได้อย่างไร

- พระพม่าอ้างตลอดในหนังสือของท่านว่า ข้อเขียนตรงนี้ของพระไตรปิฎกมีข้อยกเว้นได้ ลองไปหาอ่านดู แต่คำอธิบายของท่านไม่ได้ถูกหลักเหตุผลแต่อย่างใด ถูกหลักเดียวคือ "หลักกู" แล้วพระพม่าจะบรรลุพระอรหันต์ได้อย่างไร

- พระพม่าอ้างว่า ปฏิบัติธรรมเพียงหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งของสติปัฏฐาน 4 ก็สามารถทำให้บรรลุพระอรหันต์ได้

ผมถามว่า พระพุทธเจ้าท่านค้นพบอริยสัจจ์ 4 ไม่ใช่หรือ พระพม่าทำไมไม่อธิบายว่า ท่านไม่ต้องพิจารณาอริยสัจจ์ 4 ด้วยเหตุผลใด แล้วพระพม่าจะบรรลุพระอรหันต์ได้อย่างไร

-สติปัฏฐาน 4 คือ สติที่เป็นฐาน ปฏิบัติธรรมแค่สติที่เป็นฐาน แล้วจะบรรลุธรรมที่เป็นสูงสุดยอดได้อย่างไร แล้วพระพม่าจะบรรลุพระอรหันต์ได้อย่างไร

หลังจากตอบไปแล้ว รู้สึกว่าคุณผ่านมา แกผ่านเลยไป ไม่เคยแวะกลับมาอีกเลย สาธุ...






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น